พลาสติก ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene) เป็นพลาสติกวิศวกรรมประเภท เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic) ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนทาน และง่ายต่อการขึ้นรูป ถูกใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงของเล่นและเครื่องใช้ไฟฟ้า


พลาสติก ABS คืออะไร?

พลาสติก ABS เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากการรวมตัวของ Acrylonitrile, Butadiene และ Styrene ซึ่งให้คุณสมบัติที่หลากหลาย

  • Acrylonitrile → ช่วยเพิ่มความทนทานต่อสารเคมีและความร้อน
  • Butadiene → ช่วยเพิ่มความเหนียวและความยืดหยุ่น
  • Styrene → ช่วยให้ผิวของ ABS เรียบเงา และขึ้นรูปง่าย

ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ พลาสติก ABS จึงมีคุณสมบัติที่ดีทั้งในแง่ของความแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทก และสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง


คุณสมบัติของพลาสติก ABS

  • ความแข็งแรงและทนทาน – ABS มีความแข็งแรงสูง ทนต่อแรงกระแทกและการเสียดสีได้ดี
  • คงสภาพรูปร่างได้ดี – มีความเสถียรทางมิติสูง ไม่เปลี่ยนรูปง่าย
  • ทนต่อความร้อนและสารเคมี – สามารถทนอุณหภูมิได้สูงถึง 105°C และทนต่อน้ำมันและสารเคมีได้ดี
  • พื้นผิวเรียบและขึ้นรูปง่าย – ทำให้เหมาะสำหรับงานฉีดขึ้นรูป (Injection Molding) และพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing)
  • ฉนวนไฟฟ้าที่ดี – ใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ได้
  • รีไซเคิลได้ – แม้จะไม่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ แต่ ABS สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

ประเภทของพลาสติก ABS

1. ABS ทั่วไป (General Purpose ABS)

  • มีความแข็งแรงปานกลาง ทนต่อแรงกระแทกได้ดี
  • ใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้าและของเล่น

2. ABS ทนแรงกระแทกสูง (High Impact ABS)

  • เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเหนียวสูง เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์

3. ABS ทนความร้อนสูง (Heat Resistant ABS)

  • ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องทนอุณหภูมิสูง เช่น ชิ้นส่วนเครื่องยนต์

4. ABS เกรด Food Grade

  • ผ่านมาตรฐานสำหรับสัมผัสอาหารโดยตรง เช่น เครื่องใช้ในครัว

การใช้งานของพลาสติก ABS ในอุตสาหกรรมต่างๆ

1. อุตสาหกรรมยานยนต์

  • ใช้ทำ ชิ้นส่วนภายในรถยนต์ เช่น แผงหน้าปัด กันชน และฝาครอบเครื่องยนต์
  • ทนแรงกระแทกและความร้อนสูง

2. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า

  • ใช้ผลิต เคสคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และทีวี
  • เป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดี ป้องกันการรั่วไหลของไฟฟ้า

3. อุตสาหกรรมของเล่น

  • ใช้ใน เลโก้ (LEGO) และของเล่นเด็กอื่นๆ เนื่องจากมีความแข็งแรงสูงและปลอดภัย

4. อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า

  • ใช้ทำ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องปิ้งขนมปัง และเครื่องใช้ในครัวอื่นๆ
  • มีผิวมันเงา ทำความสะอาดง่าย

5. อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์

  • ใช้ทำ ฝาขวด คอนเทนเนอร์ และเครื่องมือแพทย์บางประเภท

ข้อดีและข้อเสียของพลาสติก ABS

ข้อดีข้อเสีย
แข็งแรง ทนแรงกระแทกได้ดีไม่ทนต่อรังสี UV และแสงแดด อาจเหลืองเมื่อใช้กลางแจ้งนานๆ
ทนความร้อนและสารเคมีบางชนิดไวไฟ ต้องเติมสารหน่วงไฟ (Flame Retardant)
ขึ้นรูปง่าย เหมาะสำหรับงานฉีดพลาสติกไม่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ
เป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดีทนต่อสารเคมีบางชนิดได้ไม่ดี เช่น ตัวทำละลายอินทรีย์

กระบวนการขึ้นรูปพลาสติก ABS

1. Injection Molding (ฉีดขึ้นรูป)

  • เป็นวิธีที่ใช้มากที่สุดในการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกขนาดใหญ่ เช่น กันชนรถยนต์

2. 3D Printing (การพิมพ์สามมิติ)

  • ABS เป็นหนึ่งในวัสดุที่นิยมใช้ในการพิมพ์ 3 มิติ เพราะขึ้นรูปง่ายและมีความแข็งแรง

3. Extrusion (การรีดขึ้นรูป)

  • ใช้ผลิตท่อพลาสติก หรือแผ่นพลาสติก

4. Thermoforming (ขึ้นรูปด้วยความร้อน)

  • ใช้ทำบรรจุภัณฑ์ หรือฝาครอบอุปกรณ์ต่างๆ

การเลือกใช้พลาสติก ABS ให้เหมาะสมกับงานของคุณ

  • ถ้าต้องการวัสดุที่แข็งแรง ทนต่อแรงกระแทกสูง → ควรเลือก ABS ทนแรงกระแทกสูง
  • ถ้าต้องการทนอุณหภูมิสูง → ควรเลือก ABS ทนความร้อนสูง
  • ถ้าต้องการใช้กับอาหาร → ควรเลือก ABS Food Grade
  • ถ้าต้องการใช้กลางแจ้ง → ควรเลือก ABS เคลือบสารป้องกัน UV

สรุป

พลาสติก ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene) เป็นพลาสติกที่มีความแข็งแรงสูง ทนต่อแรงกระแทก ทนความร้อน และมีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้า นิยมใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ของเล่น และเครื่องใช้ไฟฟ้า แม้จะมีข้อเสีย เช่น ไม่ทนต่อรังสี UV และไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ แต่ ABS ก็เป็นหนึ่งในพลาสติกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการใช้งานและสามารถรีไซเคิลได้